นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ได้พบและหารือกับ Mr. Edward Yau เลขาธิการด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของฮ่องกง ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ Mr. Bernard Chan ที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประธานบริษัท Asia Financial Holdings และ Asia Insurance Mr. Richard Li นักธุรกิจด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ติดอันดับ 19 จาก 50 คน ที่รวยที่สุดในฮ่องกงประจำปี 2018 โดยได้เน้นย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยในการรับรองการค้าการลงทุนจากจีน ในขณะที่ไทยสามารถใช้ฮ่องกงเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง หรือ Pan Pearl River Delta (PPRD) และโครงการเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ Greater Bay Area (GBA) ได้ ตลอดจนสร้างความร่วมมือในด้านอื่นๆ ที่ฮ่องกงมีความเชี่ยวชาญ อาทิ ด้านการศึกษา การเงิน เทคโนโลยี Start up เป็นต้น

       ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในด้านการเงินและโลจิสติกส์ รวมถึงเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภูมิภาค นโยบายของฮ่องกงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการค้าและบริการ และด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำจูเจียง มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเปรียบเสมือนปากมังกรของจีนทำให้ฮ่องกงกลายเป็นซุปเปอร์คอนเนคเตอร์ที่เชื่อมโยงนโยบายเส้นทางสายไหมยุคใหม่ (Belt and Road Initiatives หรือ BRI) ของจีนแผ่นดินใหญ่กับโลก ผ่านเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง หรือ PPRD และโครงการเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ GBA และยังเป็นจุดเชื่อมโยงภูมิภาคจีนกับภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางอาเซียนและมีนโยบายเชื่อมโยงกับ BRI ซึ่งฮ่องกงสามารถใช้ไทยเป็นสปริงบอร์ดเพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ตามนโยบาย Thailand 4.0 สู่ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอนุภูมิภาค CLMV และ ACMECS ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงได้ การมาเยือนฮ่องกงในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนในการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์สองภูมิภาคโดยใช้ประโยชน์จากการเป็นประตูการค้าซึ่งกันและกันอย่างเป็นรูปธรรม

      "ผมเชื่อว่า ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างประเทศจะเป็นกลไกสำคัญในการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ฮ่องกงจึงถือเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทย นอกจากนี้ ความตกลงเสรีการค้าอาเซียน-ฮ่องกง (ASEAN – Hong Kong Free Trade Agreement) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสภาพคล่องทางเศรษฐกิจระหว่างฮ่องกงและอาเซียนมากยิ่งขึ้น รวมถึงความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย (Hong Kong Economic and Trade Office : HKETO) โดยรัฐบาลทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากซึ่งคาดว่าจะเปิดภายในไตรมาสแรกของปี 2562 นี้ ผมมั่นใจว่าจะส่งผลให้มีการขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นในระยะยาวแน่นอน" นายสนธิรัตน์กล่าวเสริม

      ฮ่องกงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และคาดว่าในปี 2561 การส่งออกไปฮ่องกงจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 สำหรับปี 2560 ฮ่องกงและไทยมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 15,208 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลักไปฮ่องกง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น และสินค้าที่ไทยนำเข้าจากฮ่องกง ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และเครื่องประดับอัญมณี ตามลำดับ

               อินโฟเควสท์