หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

1aaaBA4BGIM


บี.กริม เพาเวอร์ BGRIM รุกเป็นผู้นำพัฒนาพลังงานสะอาด ออกหุ้นกู้ 'กรีนบอนด์' 5 พันล้าน ADB สนับสนุน 100% รายแรกของประเทศไทย

       นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ร่วมลงนามสัญญาและแถลงข่าวความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ ‘กรีนบอนด์’ มูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2564 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) โดยมี นายไมเคิล แบร์โรว์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการภาคเอกชน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้อง Lecture ชั้น Lower Lobby โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้

       นางปรียนาถฯ ได้เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM มีประสบการณ์อย่างยาวนานในอุตสาหกรรมพลังงาน และถือได้ว่าเป็นผู้นำในภาคเอกชนรายหนึ่งของประเทศและในระดับภูมิภาค ทั้งยังตระหนักดีถึงการมีส่วนร่วมต่อประชาคมโลก ที่จะร่วมส่งเสริมดูแลสภาพภูมิอากาศของโลก ด้วยการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและพัฒนาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรไม่ว่าในด้านการลดมลภาวะหรือใช้พลังงานสะอาด จึงได้ริเริ่มออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ มูลค่า 5 พันล้านบาท (155 ล้านเหรียญสหรัฐ) ประกอบด้วยในหุ้นกู้อายุ 5 ปีและอายุ 7 ปี ซึ่งเป็นครั้งแรกของหุ้นกู้ ‘กรีนบอนด์’ ที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative จะออกในประเทศไทย ทั้งนี้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอดีบี ถือเป็นสิ่งสำคัญและมีคุณค่าอย่างยิ่ง ที่จะช่วยสะท้อนความเชื่อมั่น ตลอดจนสร้างความมั่นใจได้ว่า หุ้นกู้ฯ ดังกล่าวมีการจัดทำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล สอดคล้องกับมาตรฐานเกณฑ์การออกพันธบัตรอาเซียนกรีนบอนด์ (ASEAN Green Bond Standards) ที่จะใช้เกณฑ์เดียวกันทั่วภูมิภาคอาเซียน ของสมาคมตลาดทุนระหว่างประเทศ (International Capital Market Association: ICMA) ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์อันยาวนานที่เราได้ทำขึ้นจากการทำธุรกรรมหลายอย่างต่อกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ระหว่าง บี.กริม และ เอดีบี

     นอกจากนี้ นางปรียนาถฯ ยังกล่าวว่า ปัจจุบัน BGRIM มีโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล 1 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 2,045 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีกกว่า 1,081 เมกะวัตต์ รวมเป็นจำนวนกำลังการผลิตติดตั้ง ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วขณะนี้ 3,126 เมกะวัตต์ ทั้งนี้จากการออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาด จาก 10% เป็น 30% ให้สำเร็จภายในปี 2564    

     ด้านธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) นายไมเคิล แบร์โรว์ ได้เปิดเผยว่า การออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพันธบัตรสีเขียว(กรีนบอนด์) ในประเทศไทย ที่สำคัญเงินทุนที่ได้จะนำมาใช้สำหรับโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างวิถีสังคมคาร์บอนต่ำเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และยังจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตั้งไว้ 20% ได้โดยไร้ข้อจำกัดของเงื่อนไข ภายในปี 2573 ทั้งนี้ บี.กริม นับเป็นผู้บุกเบิกด้านธุรกิจพลังงานทดแทนและการเติบโตของสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ที่มีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาคนี้ และเอดีบีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรระยะยาวในการดำเนินการดังกล่าว โดยเงินทุนที่ได้จากหุ้นกู้ กรีนบอนด์ นี้จะใช้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการแล้วจำนวน 9 แห่งที่มีกำลังการผลิต 67.7 เมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศไทยมีกำลังการผลิตรวม 30.8 เมกะวัตต์

        นายไมเคิลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่คือการลงทุนพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) ครั้งที่สองของ เอดีบี โดยในปีพ.ศ. 2559 ธนาคาร ได้สนับสนุนโครงการ พลังงานความร้อนใต้พิภพ Tiwi และ Makban ในฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นโครงการเสนอขายพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกของประเทศ และสำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการติดต่อทางธุรกิจครั้งที่สามระหว่าง เอดีบี และ บี.กริม เพาเวอร์ โดยในปี 2560 เอดีบีซื้อหุ้นสามัญ IPO ของ บี.กริม เพาเวอร์ และเมื่อต้นปีนี้ เอดีบี ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อสนับสนุนการขยายสู่ตลาดพลังงานทดแทนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของ บี.กริม

      ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2536 และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยกำลังการผลิต 2,045 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 15 แห่ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายไปสู่พลังงานหมุนเวียนโดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีก 15 แห่ง จากความสำเร็จนี้พร้อมทั้งศักยภาพในการขยายตัวในประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) บี. กริม มีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทนจาก 10% เป็น 30% ภายในปี 2564 การลงทุนครั้งนี้สอดรับกับยุทธศาสตร์ใหม่ 2073 ของ เอดีบี ซึ่งกำหนดว่าอย่างน้อย 75% ของจำนวนการดำเนินงานที่ได้รับความช่วยเหลือของ ธนาคารจะช่วยลดผลกระทบและปรับตัวในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ได้ภายในปี 2573 โดย เอดีบี จัดสรรเงินกู้ 80,000 ล้านดอลลาร์เพื่อกิจกรรมปรับปรุงสภาพภูมิอากาศในช่วง 2561-2573

      เอดีบี มุ่งมั่นที่จะบรรลุความเจริญรุ่งเรือง มีส่วนร่วม ความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของเอเชียและแปซิฟิก ในขณะที่ยังคงรักษาความพยายามในการขจัดความยากจนให้หมดไป โดย เอดีบี ก่อตั้งขึ้นในปีพ ศ.2509 โดยมีสมาชิก 67 รายจาก 48 ประเทศ ในภูมิภาคนี้ และในปี 2560 การดำเนินงานของเอดีบีมีมูลค่ารวม 32.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการร่วมให้เงินกู้จำนวน 11.9 พันล้านดอลลาร์ อีกด้วย

        ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: ฝ่ายสื่อสารองค์กร บี.กริม นิภาพร ดวงกุลสา:This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.   Tel.02 710 3127, 089 772 6997

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

SIAM790x90

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!